พื้นฐานที่ต้องรู้ คำศัพท์ ความหมาย ในการเทรด Forex
1. Spread คือ ค่าแตกต่างระหว่าง ค่า Bid กับ ค่า Offer หรือเรียกอีกอย่างว่า Ask เป็นค่าแตกแตกระหว่างค่าเสนอซื้อกับค่าเสนอขาย
2. Pip คือ หน่อยที่มีการเคลื่อนทีไป 1 จุด ที่เป็นจุดทศนิยมน้อยที่สุด ของคู่สกุลเงินที่มีการเคลื่อนไหวขึ้นหรอลง
จะยกตัวอย่างสกุลเงินของ EURUSD จากภาพข้างล่างเรามีค่า Bid 1.3000 และ Ask 1.3001 ค่าดัชนี 2 ค่านี้จะมีการเคลื่อนไหวเป็น Realtime ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับแรงซื้อแรงขายที่จริงๆ ที่เกินในตลาดแต่ว่าตัว Spread คือค่าความแตกต่าง ตัว Bid กับ Ask จะเป็นค่าที่คงทีตลอด ไม่ว่าราค่าจะเคลื่อนที่ไปทางทิศทางไหนก็ตาม เรามาดูค่าแตกต่าง Bid กับ Ask มีค่าเท่าไรของตัวอย่างข้างล่าง ค่า Ask จะมีค่ามากกว่า Bid เป็นปกติอยู่แล้ว ช่วงค่าที่มันต่างคือการนำตัว Ask ลบกับ Bid จากตัวอย่างข้างล่างจะได้ 0.0001 แต่เราจะนับค่าตัวหลังสุด ก็คือเท่ากับ 1 ค่านี้ก็จะเป็นค่า Spread ของ EURUSD สรุปง่ายๆๆ คือ Pip เป็นหน่วย ของSpread นั้นเอง ซึ่งตัว ค่าSpread นี้เป็นที่เราจะต้องจ่ายให้ Broker ทุกครั้ง ที่เรามีการส่งคำสั่งซื้อขาย จะเห็นได้ว่าถ้าเรา ซื้อ หรือ ขาย เริ่มต้นจะมีค่าติดลบเสมอ
3. Leverage คือ อัตราทด ที่ช่วยเพิ่มกำลังการซื้อขายที่ทาง Broker ให้เราในตลาด Forex ซึ่งจะเกี่ยวข้อง กับ Lot หรือ Volume ในข้อถัดไป
4. Lot/Volume คือ ปริมาณหรือว่าจำนวนในการซื้อขายที่เราต้องการแต่ละครั้ง หรือความเสี่ยงที่เราต้องการซื้อขายแต่ละ Order
เพื่อให้เห็นเข้าใจและเห็นภาพมากขึ้นมาดูภาพข้างล่างประกอบ จะเป็นความสัมพันธ์ของทั้งศัพท์นี้ จะยกตัวอย่าง EURUSD มีค่า Bid 1.3000 และ Ask 1.3001 ในกรณีของตัว Lot 1 Standard Lot = 100,000 USD ที่นี้ในกรณีที่เราต้องการคำนวณ Volume ที่เราทำการซื้อขาย ก็คือเอา (1.3001-1.3000)X100,00 = 10 USD/Pip นี้คือเป็นที่มาที่ไปของตัว Lot หรือ Volume ที่มีค่าตัวการเคลื่อนที่ของ Spread ซึ่งสรุปว่าตัว Lot หรือ Volume เป็นค่าความเสี่ยงที่เราต้องการ ซึ่งถ้าเราต้องการความเสี่ยงมาก 1 จุดที่มีการเคลื่อนที่ไปเราก็จะใช้ Lot ที่มีค่าสูงขึ้น
5. Margin คือ ค่าเงินประกันตั้งต้น ที่เราจะต้องใช้ทุกครั้งที่เราเปิด Order ถ้าเป็นกรณีที่เป็น ตลาด future ของบ้านเราจะเห็นได้ว่าในกรณีของ Set50 จะต้องทำการว่างเงินค้ำประกัน 34000 บาท ต่อ 1 สัญญาก็คือลักษณะคล้ายๆๆ กันกับการเทรด Forex วางเงินค้ำประกันของจากเงินทุนที่เรามีอยู่ในการซื้อขายแต่ละครั้ง จะมีความสัมพันธ์กับ Leverage จากภาพข้างล่างจะยกตัวอย่าง สมมุติเรามีเงินทุน 1000 USD แล้วมาทำการซื้อขายตามเงื่อนไขต่อไปนี้ เงื่อนไข a) เราทำการซื้อขายด้วย Leverage 1:500 1 Lot ตัว Leverage นี้จะเป็นตัวที่เราเลือกตอนเปิดบัญชี ตอนแรก ดังนั้นค่านี้จะ Fix ไว้ตลอด นอกซะจากเราต้องการที่จะเปลี่ยนต้องไปเปลี่ยนที่หน้าเว็ป จากเงื่อนไขนี้เราทำการซื้อขาย 1 Lot ด้วย Leverage 1:500 ตัว Margin ที่เราต้องเอามาวางไว้ จะคำนวณได้โดยการเอาจำนวน Lot หารด้วย Leverage ซึ่ง 1 Lot= 100,000 USD หาร ด้วย 500 ก็จะเหลือ 200 USD เป็น Margin ที่เราต้องเอามาวางไว้ เมื่อเราเปรียบเทียบเงินทุนที่เรามาฝากไว้ ก็คือเอา เงินทุน 1000 USD ลบ กับ Margin 200 USD ดั้งนั้นก็จะเหลือเงินทุนที่เราสามารถเอามาซื้อขายได้จริงๆๆ ก็คือ 800 USD เงื่อนไข b) จะเปลี่ยน Lot เป็น 0.1 แต่ Leverage เท่าเดิม ค่า Margin ก็จะน้อยลง ซึ่งคล้ายๆๆ กับเงื่อนไข c) 1 Lot แต่ ค่าLeverage 1:200 ค่า Margin ก็จะน้อยลงเช่นเดียวกัน จะสังเกตได้ว่า ยิ่ง Leverage มากขี้นเราก็จะใช่เงิน Margin น้อยลง กลับกัน ถ้าเราใช้ Leverage เท่ากันแต่ Lot น้อยลง เราก็จะใช้ Margin น้อยลง จะสรุปได้ว่า ยิ่ง Leverage เพิ่มมากขึ้น เรายิ่งใช้ Margin น้อนลง ซื้อจะเหลือ เงินทุนเยอะขึ้น และ ยิ่งตัว Volume /Lot มากขึ้น เราก็ยิ่งใช้ Margin มากขึ้น ซึ่งทั้งตัว Leverage และ Volume /Lot จะกำหนดความเสี่ยงในลง Order ของเราแต่ละครั้ง
Margin ยังไม่จบน่ะครับเดียวมาต่ออีก วันนี้เริ่มง่วงล่ะขอนอนก่อนละกัน